ทำไมต้อง HR Tech
จากบทความของ Gartner ให้แนวทางแก่ HR Leader ว่า ในการทำกระบวนการ HR Transformation HR Leader ควรให้ความสำคัญกับบทบาท ทักษะความสามารถ และกระบวนการทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ 1) World-Class Leadership ความคาดหวังของ Stakeholder ทุกภาคส่วน มีความคาดหวังกับบทบาทของ HR ในการคิดเชิงกลยุทธ์ และการมีวิสัยทัศน์ ในช่วงที่มีความไม่แน่นอนเรื่องสถานการณ์ทั้งทางธุรกิจและทางสังคม HR Leader จะเป็นผู้นำทางความคิดให้กับการบริหารคนไปในทิศทางใดเป็นสิ่งที่จะต้องถูกกำหนดออกมาให้ชัดเจน 2) Modern HR Operating Model การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของการทำงานของ HR ให้เป็นแบบ "On Demand" มากขึ้น เพื่อให้ตอบสนองกับความต้องการของธุรกิจและไม่ยึดติดกับขั้นตอนหรือกรอบการทำงานแบบเดิม ซึ่งผู้คนในองค์กรมักจะมองงาน HR ว่าเป็นงาน Process Oriented มากกว่า Result Oriented 3) Future-forward roles and competencies การพัฒนาบุคลากรด้าน HR เอง ให้มีความพร้อมใน Competency ที่ควรจะมีเมื่อมองไปยังอนาคต ท่ามกลางสถานการณ์ต่างๆที่ไม่เหมือนเดิม เมื่อผู้นำจะต้องกำหนดวิสัยทัศน์และคิดเชิงกลยุทธ์แล้ว ทีม HR ก็คงเป็นทีมแรกๆที่จะต้องบุกเบิกเรื่องการพัฒนา Future Skills และ 4) Integrated HR technology and analytics HR Leader จะต้องสามารถเลือก และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการตัดสินใจนำพาองค์กร และช่วยยกระดับเรื่องการบริหารคนให้ได้
จากทั้ง 4 ข้อ โดยเฉพาะข้อที่ 4 จึงเป็นภาระหน้าที่ความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง ที่ HR Leader จะต้องทำให้ได้ และจะต้องติดตามเทคโนโลยีใหม่ ๆ อยู่เสมอ เพื่อหาแนวทางในการนำมาใช้ในองค์กรของตนเอง
การผสมผสานการทำงานระหว่าง AI และ Data Analytics จะเป็นเรือธงในการขยายตลาด HR Tech และเป็นอนาคตใหม่ของวงการ
จากการสำรวจของที่ปรึกษา SkyQuest พบว่า ตลาดของ HR Tech ระดับโลกที่มีมูลค่า 24 พันล้าน ดอลล่าร์ในปี 2021 จะขยายขึ้นปีละไม่ต่ำกว่า 5.8% และจะมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 35 พันล้านดอลล่าร์ในปี 2028 องค์กรชั้นนำจำนวนมากมีความต้องการที่จะหา HR Tech Solution เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อตอบโจทย์ทั้งด้านการสรรหาและคัดเลือก การสื่อสารเพื่อสร้าง Employee Engagement การบริหารผลงานพนักงาน และการพัฒนาพนักงาน บทบาทหน้าที่ของ HR Technology จะช่วยในการทำงานของ HR ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยลดขั้นตอนที่ต้องทำงานแบบ Manual ไปสู่ Automation การนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อใช้ในการตัดสินใจ ซึ่งรวมไปถึงการควบคุมด้านความปลอดภัยของข้อมูล และปิดช่องโหว่ในการทุจริตในรูปแบบต่างๆ และอีกด้านหนึ่งของการเลือก HR Technology มาใช้ หรือการปรับปรุงระบบต่างๆ ก็เป็นการมองไปถึงความต้องการหรือประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience) ไปพร้อมๆกันด้วย
ทำไม HR Tech ถึงยังมีอนาคต อ้างอิงถึงปัจจัยที่มีความสำคัญที่ทำให้ความต้องการในวงการนี้ยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก Use Case ที่มีต้องการจากผู้ใช้ระบบอย่าง HR และพนักงาน ดังนี้
การสื่อสารและการทำงานร่วมกัน เทคโนโลยีช่วยให้การสื่อสารระหว่างพนักงานมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น สามารถใช้ระบบการสื่อสารแจ้งการเตือนข้อมูลที่สำคัญต่างๆ นอกจากนั้นเครื่องมือในการทำงานร่วมกันยังช่วยให้การบริหารโครงการ หรือบริหารงานมีประสิทธิภาพหรือ Productivity ที่ดียิ่งขึ้นด้วยการทำให้งานทุกชิ้นมีความเชื่อมโยง และทำให้ทุกคนได้เห็นความก้าวหน้าของงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตนได้
การช่วยลดอัตราการลาออกของพนักงาน การใช้เทคโนโลยีช่วยให้ข้อมูลกับพนักงาน และการใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยให้พนักงานทำงานได้อย่างสะดวกสบายขึ้น มีส่วนช่วยให้พนักงานตัดสินใจได้ยากในการที่จะลาออก รวมถึงการสร้างกิจกรรมเพื่อให้พนักงานรู้สึก Engage และเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรเพิ่มมากขึ้น
การดูแลเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพของพนักงาน การที่องค์กรมี Platform ที่ช่วยเรื่องการรักษาพยาบาลของพนักงาน จะมีส่วนช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาทั้งในแง่ของสภาพจิตใจพนักงาน และค่าใช้จ่ายผูกพันในส่วนของบริษัท เช่น การให้การรักษาแบบ Telemedicine หรือการมีนักจิตวิทยาให้คำปรึกษาพนักงานแบบออนไลน์ จะช่วยให้ปัญหาต่างๆ ได้รับการบรรเทาก่อนจะเป็นปัญหาที่มีความรุนแรงขึ้น และยังช่วยให้ได้ใจพนักงานในการดูแลพนักงานแบบ Remote หรือ Hybrid
การทำให้ข้อมูลมีความถูกต้องและแม่นยำ การจัดเก็บข้อมูลในฐานข้อมูลที่ดีจะช่วยให้สามารถต่อยอดในการนำเทคโนโลยีไปต่อยอดได้อีกมาก หลายองค์กรเริ่มต้นเรื่องการนำเทคโนโลยีมาใช้จากข้อนี้ คือการวางระบบฐานข้อมูลใหม่ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อต่อยอดการนำข้อมูล Big Data มาวิเคราะห์เพื่อหา Insight และนำไปสู่ข้อมูลการตัดสินใจในขั้นต่อไปขององค์กร
HR Tech ที่กำลังมาแรง
การคัดสรร HR Tech Solution จะมีแนวโน้มที่ต่างไปจากเดิม จากเดิมเราให้ความสำคัญกับ Function กับเทคโนโลยีที่เราจะนำมาใช้ เช่น โปรแกรมด้านการสรรหาคัดเลือก (E-Recruitment) โปรแกรมด้านการประเมินผล (E-Performance) แต่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับพื้นฐานเทคโนโลยีที่นำมาใช้
ในยุคนี้ การที่จะเริ่มนำ HR Tech Solution มาใช้มีมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม คือการมุ่งเน้นเรื่องเทคโนโลยีที่เป็นพื้นฐานของแต่ละ Solution ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการตอบโจทย์ผู้ใช้ระบบ ประกอบไปด้วย 5 เทคโนโลยีที่กำลังมาแรง ดังนี้
1. Artificial Intelligence (AI) and Machine Learning การเลือกระบบที่มีระบบปัญญาประดิษฐ์หรือ AI ช่วยในการตัดสินใจจากข้อมูลภายในระบบ และสามารถออกแบบให้ระบบมีการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Machine Learning) จากข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ และสามารถปรับเปลี่ยนการตั้งค่าของระบบได้ด้วยตนเองด้วยการกำหนด Algorithm ไว้ล่วงหน้า ทำให้ HR ผู้ดูแลไม่จำเป็นต้อง Monitor หรือสั่งการระบบในทุกขั้นตอน แต่ระบบสามารถคิด ตัดสินใจ และเปลี่ยนแปลงการคิดไปตามผู้ใช้ที่มีความต้องการแต่ละคนที่แตกต่างกัน
2. HR Automation and Chat Bot การเลือกระบบที่ช่วยให้งาน Manual Work ของ HR ลดลง HR Tech ในยุคนี้ไม่จำเป็นต้องใช้คนในการเข้าไปทำการ Run ระบบด้วยตนเอง แต่การทำ Automation คือการทำให้ข้อมูลจากผู้ใช้ สามารถนำไปใช้ประมวลผลและดำเนินการได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมีการผ่านการจัดการด้วยมนุษย์ ซึ่งตัวอย่างเทคโนโลยีประเภทนี้ก็คือการใช้ Chat Bot ช่วย HR ในการตอบคำถามที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ด้วยการใช้เทคโนโลยี
3. Block Chain and Data Privacy แนวคิดการบริหารข้อมูลแบบใหม่นอกจากควรใช้ระบบ Verify ตัวตนแบบ 2 ขั้นแล้ว ยังควรกระจายการเก็บข้อมูลด้วยเทคโนโลยีแบบ Block Chain เพื่อป้องกันการถูกโจมตีด้านข้อมูล และช่วยรักษาข้อมูลส่วนตัวของพนักงาน ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือมากขึ้นในการบริหารจัดการข้อมูลที่มีจุดเริ่มโดย HR และจัดเก็บรักษาข้อมูลโดยหน่วยงานทางด้าน IT
4. Cloud-Based Solution จากความท้าทายในเรื่องของสภาพแวดล้อมการทำงานและรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การทำงานแบบ Hybrid การทำงานจากที่ใดก็ได้ (Work from Anywhere) ทำให้การเลือก HR Solution จะต้องคำนึงถึงการเชื่อมต่อระบบที่มีความสะดวกสบายมากขึ้นด้วย การเชื่อมต่อผ่าน Cloud จะเข้ามาทดแทนการเชื่อมต่อผ่าน Server แบบเดิมซึ่งมีความยุ่งยากและทำให้การเข้าถึงระบบมีความยากกว่าแบบ Cloud การเลือก Solution ที่ตอบโจทย์ด้านนี้จะช่วยตอบโจทย์เรื่องการใช้งานที่ง่ายขึ้นสำหรับพนักงาน
5. AR and VR การใช้เทคโนโลยีด้านการมองเห็นแบบเสมือน (Virtual Reality) นอกจากจะเป็นพื้นฐานของการก้าวไปสู่ยุค Metaverse ที่กำลังมาถึงในไม่ช้านี้ จากรายงานของ SAP พบว่า Use Case ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเกี่ยวกับ AR/VR คือเรื่องที่เกี่ยวกับการเรียนรู้ การเรียนรู้ด้วยอุปกรณ์ VR จะเพิ่มประสิทธิภาพด้านการจดจำได้ดีกว่าการเรียนในห้องเรียนได้ถึง 80% เพราะฉะนั้นหากคุณกำลังมองหาเทคโนโลยีด้านการเรียนรู้แบบเดิม เช่น E-Learning คงจะต้องลองสอบถามไปถึงผู้พัฒนาว่าจะสามารถ Integrate หรือมี Plugin กับการเรียนรู้จาก AR/VR ได้อย่างไรบ้าง
ไม่ว่าเทคโนโลยีที่นำเสนอจะน่าสนใจ และล้ำสมัยขนาดไหน แต่การนำ HR Technology ใหม่ ๆ มาใช้ นอกจากจะใช้งบประมาณจำนวนมาก และระยะเวลาที่ใช้ในการพัฒนาระบบใหม่หรือ Upgrade ระบบเดิมก็ใช้เวลาไม่น้อย หากจะเริ่มนำมาใช้คงจะต้องดูปัจจัยในหลายด้าน เรื่องความจำเป็น ความเร่งด่วน และความคุ้มค่ากับเวลาและงบประมาณที่เสียไป มิใช่เป็นการทดลองทำตามกระแส แต่ยังไม่ได้ดู Use Case ที่จะเหมาะกับองค์กรและสร้างคุณค่าให้กับองค์กรได้อย่างเหมาะสมมากที่สุด
ที่มา
Comments