People Magazine | Vol.4/2557

สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทย (PMAT) ในฐานะองค์การสมาชิกของ Asia Pacific Federation of Human Resource Management หรือ APFHRM ได้เข้ารวมประชุมและแลกเปลี่ยนกับองค์การสมาชิกจากประเทศต่าง ๆ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารทรัพยากรมนุษย์ในประเทศต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ในปีนี้มีการจัดการประชุม APFHRM ขึ้นที่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยประเทศเจ้าภาพได้จัดให้มี Asia Pacific Special Symposium โดยมีหัวข้อหลักคือ “Innovation and Diversity for HRM” (นวัตกรรมและความหลากหลายสำหรับการบริหารทรัพยากรมนุษย์)
ในครั้งนี้สมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทยได้จัดทำการสำรวจเกี่ยวกับความหลากหลายในที่ทำงานและนวัตกรรมทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำเอาผลจากการสำรวจนี้ไปเผยแพร่แลกเปลี่ยนกับสมาชิกของ APFHRM จากประเทศต่างๆ
เกี่ยวกับการสำรวจ
ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2557 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สมาคมฯได้จัดทำการสำรวจ “ความหลากหลายในองค์การและนวัตกรรมด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์” โดยแบบสอบถามแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ข้อมูลองค์การ ความหลากหลายภายในองค์การ และนวัตกรรมด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์
ส่วนที่ 1 ข้อมูลองค์การเป็นการจัดแบ่งกลุ่มขององค์การที่ร่วมให้ข้อมูล โดยพิจารณาตามหมวดธุรกิจ จำนวนพนักงาน อายุขององค์การ รายได้ขององค์การ และสัญชาติขององค์การ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ถูกใช้เพื่อเชื่อมโยงกับผลการสำรวจในส่วนที่ 2 และ 3 ในฐานะปัจจัยที่อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ในส่วนที่ 2 และ 3 อย่างไรก็ดีภายหลังจากการรวบรวมข้อมูลแล้วพบว่าข้อมูลที่สามารถนำมาคำนวณเพื่อจัดกลุ่มได้นั้นมีอยู่เพียง 3 ปัจจัย ได้แก่ หมวดธุรกิจ จำนวนพนักงาน และสัญชาติขององค์การ
ส่วนที่ 2 ความหลากหลายภายในองค์การเป็นการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความหลากหลายชนิดต่างๆที่มีภายในองค์การ ได้แก่ ความหลากหลายทางเชื้อชาติ ช่วงวัย เพศ และความสามารถทางร่างกาย
ส่วนที่ 3 นวัตกรรมด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ในการสำรวจนี้ให้นิยามนวัตกรรมว่าหมายถึง การสร้างสรรค์สิ่งใหม่ซึ่งอาจเป็นสินค้า บริการ หรือกระบวนการที่ไม่เคยมีมาก่อน และ/หรือเป็นการพัฒนาต่อยอดจากสิ่งเดิมที่มีอยู่ให้เกิดเป็นสิ่งใหม่ที่ดีกว่าเดิม หรือสามารถสาร้างคุณค่าหรือมูลค่าได้มากกว่าเดิม ทั้งนี้โดยอาศัยความรู้ แนวคิด ทฤษฎี หรือประสบการณ์เป็นพื้นฐาน
ประชากรในการสำรวจ
ประชากรในการสำรวจคือสมาชิกสมาคมการจัดการงานบุคคลแห่งประเทศไทยที่เข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2557 ในวันที่ 31 มีนาคม 2558 โดยมีการแจกแบบสอบถามทั้งสิ้น 300 ชุด ได้รับกลับมาทั้งสิ้น 235 ชุด สามารถนำมาใช้เพื่อประมวลผลได้ทั้งสิ้น 204 ชุด
เมื่อพิจารณาตามหมวดธุรกิจจะพบว่าประชากรกลุ่มใหญ่จะอยู่ในหมวดธุรกิจยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร อสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง เมื่อพิจารณาตามจำนวนพนักงานจะพบว่าองค์การที่มีพนักงานอยู่ระหว่าง 101 – 500 คนเป็นประชากรกลุ่มหลัก รองลงมาคือองค์การที่มีพนักงาน 1,001 – 2,000 คน และน้อยกว่า 100 คนตามลำดับ โดยองค์การส่วนใหญ่นั้นเป็นองค์การไทย
เกณฑ์ในการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงาน
สมาคมฯเชื่อว่าความหลากหลายภายในองค์การนั้นส่วนหนึ่งเป็นผลลัพธ์จากกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานภายในองค์การ ดังนั้นสมาคมฯจึงมีการกำหนดให้เกณฑ์ในการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานเป็นข้อคำถามหนึ่งในการสำรวจครั้งนี้ ซึ่งผลที่ได้สามารถนำมาเชื่อมโยงกับผลในการสำรวจในข้ออื่น ๆได้ด้วย
ผลจากการสำรวจเกณฑ์ที่องค์การต่างๆใช้ในการคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานพบว่า องค์การส่วนใหญ่ใช้ประสบการณ์ในการทำงาน ระดับการศึกษา และบุคลิกลักษณะเป็นเกณฑ์หลักที่สำคัญ นอกจากนี้ยังมีเกณฑ์อายุตัวที่ถูกนำมาใช้ในการคัดเลือกพนักงานอีกด้วย

ความหลากหลายภายในองค์การ
จากการประมวลผลแบบสอบถามในส่วนที่ 2 เกี่ยวกับความหลากหลายภายในองค์การพบว่ามีข้อมูลที่มีความน่าสนใจใน 2 ส่วนคือ
Generation Mix
สมาคมฯได้แบ่งกลุ่มแรงงานที่อยู่ในกำลังแรงงานออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
1. Baby Boomer: บุคคลที่เกิดระหว่างปี 1945 - 1960
2. Generation X: บุคคลที่เกิดระหว่างปี 1961 - 1980
3. Generation Y: บุคคลที่เกิดระหว่างปี 1981 – 1995
Generation Z: บุคคลที่เกิดหลังจากปี 1995
ผลการสำรวจพบว่าในที่ทำงานปัจจุบันพนักงานกลุ่มใหญ่คือ พนักงาน Generation X และ Generation Y ในขณะที่ Baby Boomer เป็นพนักงานที่กำลังทยอยเกษียณอายุออกจากองค์การไป และ Generation Z เป็นพนักงานกลุ่มน้อยที่สุดที่มีอยู่ในองค์การ

ถึงแม้ว่าผลสำรวจจะชี้ให้เห็นว่า Baby Boomer กำลังทยอยไหลออกจากองค์การ อย่างไรก็ดีเราก็ยังพบอีกว่ามีองค์การจำนวนหนึ่งที่มีการจ้างงานพนักงานหลังเกษียณหรือมีโครงการต่ออายุงานออกไป
สำหรับ Generation Z ซึ่งมีจำนวนน้อยที่สุดนั้นเป็นไปเนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ที่เป็น Generation Z กำลังอยู่ในช่วงวัยของการศึกษา และยังไม่เข้าสู่ตลาดแรงงาน หรือหากเริ่มทำงานแล้วก็จะถูกจำกัดด้วยระยะเวลาในการทำงานและประเภทของงานตามกำหนดในกฎหมายคุ้มครองแรงงาน
การวิเคราะห์ข้อมูลการผสมผสานของพนักงานในช่วงวัยต่างๆในองค์การในลักษณะไม่พบว่ามีข้อแตกต่างระหว่างกันอย่างมีนัยสำคัญ
ผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย

ผลจากการสำรวจพบว่ามีตัวเลขที่น่าสนใจคือองค์การขนาดเล็ก โดยเฉพาะองค์การที่มีพนักงานน้อยกว่า 100 คนมีการจ้างผู้มีความบกพร่องทางร่างกายเข้าทำงานน้อยกว่าองค์การขนาดใหญ่อยู่ค่อนข้างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากข้อบังคับทางกฎหมายที่บังคับให้บริษัทที่มีการจ้างพนักงานตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปต้องจ้างผู้มีความบกพร่องทางร่างกายเข้าทำงานตามจำนวนที่กำหนด อย่างไรก็ดีพบว่ามีบางบริษัทที่ไม่มีการจ้างผู้มีความบกพร่องทางร่างกายได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าบริษัทเปิดโอกาสอย่างเท่าเทียมให้ผู้มีความบกพร่องทางร่างกายได้เข้ามาสมัครและรับคัดเลือกเช่นกัน
กว่าร้อยละ 62 ของบริษัทที่มีการจ้างผู้มีความบกพร่องทางร่างกายเข้าทำงานได้ตามหรือเกินกว่าจำนวนที่กฎหมายกำหนด สำหรับอีกร้อยละ 38 ที่ไม่สามารถจ้างได้ตามจำนวนก็จ่ายเงินสมทบกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการตามกฎหมายกำหนด
เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์

เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ส่วนมากจะมีการใช้สำหรับงานทางด้านการบริหารค่าจ้างค่าตอบแทน การจัดการฐานข้อมูลพนักงาน และการสรรหาและคัดเลือก อย่างไรก็ดีจากการวิเคราะห์ผลพบว่าสัญชาติ และขนาดขององค์การมีผลต่อเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ที่องค์การหนึ่งๆใช้

จากตารางด้านบนจะสังเกตเห็นว่าองค์การที่เป็นองค์การต่างชาติจะใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในฟังก์ชั่นงานที่แตกต่างจากองค์การสัญชาติไทยและองค์การที่เป็นการร่วมทุนอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนั้นยังพบว่าจำนวน พนักงานในองค์การมีผลต่อการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้สังเกตว่าองค์การที่มีจำนวนพนักงานน้อย คือไม่เกิน 100 คนจะมีการใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างจากองค์การที่มีขนาดใหญ่กว่า โดยมีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา และการจัดการกลยุทธ์
บทสรุป
ความหลากหลายนั้นสามารถพบได้ในทุกองค์การ โดยไม่แบ่งแยกหมวดธุรกิจ ความเป็นเจ้าของ หรือขนาดขององค์การ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความแตกต่างทางด้านช่วยวัยที่สามารถพบได้ในทุกองค์การอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางประชากรศาสตร์
หากพิจารณาความผสมผสานของช่วงวัยในที่ทำงานจะพบว่าองค์การส่วนใหญ่จะมีการจ้าง Generation X และ Generation Y เป็นหลัก ในขณะที่มีองค์การจำนวนเล็กน้อยเท่านั้นที่มีการจ้าง Generation Z นอกจากนั้นเมื่อพิจารณาสัดส่วนของพนักงานในช่วงวัยต่างๆในที่ทำงานแล้วพบว่า
>> พนักงานหลักในองค์การคือ Generation X และ Generation Y
>> Baby Boomer เริ่มทยอยไหลออกจากองค์การ
>> Generation Z เป็นกลุ่มคนรุ่นล่าสุดที่กำลังทยอยหลั่งไหลเข้าสู่องค์การ
>> ร้อยละ 68.4 ขององค์การที่เข้าร่วมให้ข้อมูลมีนโยบายที่จะจ้างผู้ที่เกษียณอายุงานแล้ว
สุดท้ายการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์นั้นอาจได้รับอิทธิพลจากความเป็นเจ้าของและความแตกต่างทางด้านขนาดขององค์การก็เป็นได้
การศึกษาและวิจัยในเชิงลึกต่อไปในอนาคตถึงสาเหตุของตัวเลข รวมไปถึงประเด็นที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ประเด็นปัญหาในองค์การที่เกิดขึ้นจากความแตกต่างหลากหลายภายในองค์การ การจัดการความขัดแย้ง รวมไปถึงบทบาทของเทคโนโลยี และการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
Comments