เมื่อกล่าวถึงผู้นำ อยากสอบถามพนักงานทุกคนว่าเราอยากได้ผู้นำประเภทไหน ถ้าหากเป็นผู้นำประเภทที่ทำการตัดสินใจโดยไม่ให้พนักงานมีส่วนร่วมหรือแสวงหาข้อมูลจากพนักงานเลยและพนักงานมีอิสระในการทำงานอย่างจำกัด เราอยากจะทำงานร่วมกับหัวหน้างานหรือผู้จัดการแบบนี้หรือไม่ ถ้าให้เดาก็คงจะตอบว่าไม่อยากทำงานด้วย ตรงกันข้ามถ้าหากมีผู้นำที่มีลักษณะแบ่งปันอำนาจกับผู้ใต้บังคับบัญชาโดยให้อำนาจในการตัดสินใจ และผู้นำก็ยังแสดงความมั่นใจในความสามารถของพนักงานในการปฏิบัติงานด้วยตนเอง และอนุญาตให้พนักงานมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ผู้นำแบบนี้จะดีกว่าไหมในการทำงานร่วมกับเรา
ผู้นำในลักษณะดังกล่าวเป็นผู้นำแบบมอบอำนาจ (empowering leadership) เป็นรูปแบบความเป็นผู้นำที่เน้นความสำคัญของการให้อำนาจแก่พนักงานในการตัดสินใจและให้พนักงานเป็นเจ้าของงานของพวกเขา โดยผู้นำจะมีกระบวนการของการแบ่งปันอำนาจและจัดสรรความเป็นอิสระและความรับผิดชอบให้แก่ผู้ตามหรือทีมงานโดยผ่านพฤติกรรมผู้นำที่เฉพาะเจาะจงสำหรับพนักงานเพื่อเพิ่มแรงจูงใจภายในและบรรลุผลสำเร็จในการทำงาน ผู้นำจะต้องให้ความไว้วางใจและเชื่อมั่นในตัวพนักงานของพวกเขา และผู้นำจะต้องจัดหาทรัพยากร การสนับสนุน และโอกาสให้แก่พนักงานเพื่อทำให้พนักงานประสบความสำเร็จในการทำงาน ดังนั้นกล่าวได้ว่าผู้นำแบบมอบอำนาจจะมีลักษณะพฤติกรรมสำคัญ ๆ ดังต่อไปนี้
ความไว้วางใจ: ผู้นำแบบมอบอำนาจให้ความไว้วางใจในพนักงานของพวกเขาและเชื่อในความสามารถของพวกเขา
ความเป็นอิสระ: ผู้นำแบบมอบอำนาจช่วยให้พนักงานมีอิสระในการตัดสินใจและแก้ปัญหาด้วยตนเอง
การสนับสนุน: ผู้นำแบบมอบอำนาจมอบทรัพยากรและการสนับสนุนที่จำเป็นแก่พนักงานเพื่อให้ประสบความสำเร็จ
โอกาส: ผู้นำแบบมอบอำนาจช่วยให้พนักงานมีโอกาสพัฒนาทักษะใหม่ ๆ และรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ
การยกย่องชมเชย: ผู้นำแบบมอบอำนาจให้การยอมรับและให้รางวัลแก่พนักงานของตนสำหรับผลงานของพวกเขา
การทำงานร่วมกัน: ผู้นำแบบมอบอำนาจส่งเสริมการทำงานร่วมกันและการทำงานเป็นทีม
มีเหตุผลหลายประการที่พนักงานต้องการผู้นำที่มอบหมายอำนาจ เพื่อที่พนักงานจะได้มีความเป็นอิสะในการตัดสินใจและแก้ปัญหาด้วยตนเอง ซึ่งสามารถเพิ่มความพึงพอใจและแรงจูงใจในการทำงานให้กับพนักงานได้ นอกจากนั้นช่วยให้พนักงานมีโอกาสพัฒนาทักษะใหม่ ๆ และรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ ซึ่งจะช่วยให้พวกเขารู้สึกเติมเต็มและมีส่วนร่วมกับงานมากขึ้น การที่ผู้นำได้มอบอำนาจให้แก่พนักงานย่อมแสดงถึงความไว้วางใจในพนักงานของตนเองและเชื่อมั่นในความสามารถของพวกเขา ซึ่งจะนำไปสู่ความภักดี ความมุ่งมั่น และความพึงพอใจในงานที่มากขึ้น รวมไปถึงการส่งเสริมการทำงานร่วมกันและการทำงานเป็นทีม ซึ่งจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นและสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นบวกมากขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการช่วยให้พนักงานเข้าใจว่างานของพวกเขาเหมาะสมกับภาพรวมและสอดคล้องกับพันธกิจขององค์กรอย่างไร ซึ่งสามารถเพิ่มการมีส่วนร่วมได้ และเมื่อพนักงานสามารถทำผลงานออกมาได้อย่างดี ผู้นำควรมีการให้รางวัลเพื่อช่วยในการเพิ่มแรงจูงใจและความพึงพอใจในงานได้
การที่องค์กรมีผู้นำที่มีลักษณะมอบอำนาจให้แก่พนักงานจะสามารถก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งด้านพนักงานและด้านองค์กร ในด้านพนักงานกล่าวคือ ทำให้การมีส่วนร่วมของพนักงานเพิ่มขึ้น โดยผู้นำแบบมอบอำนาจจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของระดับความผูกพันของพนักงานและความพึงพอใจในงาน เนื่องมาจากพนักงานรู้สึกมีค่าและได้รับความไว้วางใจในตัวผู้นำ และจะทำให้พนักงานมีประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นและมีการแก้ไขปัญหาที่ดีขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะพนักงานมีอำนาจในการตัดสินใจและแก้ปัญหาด้วยตนเอง เกิดการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งนำไปสู่วิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีแนวโน้มที่พนักงานจะเกิดความคิดใหม่ ๆ และกล้าเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมในองค์กรได้
ส่วนในด้านองค์กร กล่าวคืออัตราการรักษาพนักงานจะสูงขึ้น เนื่องจากพนักงานมีแนวโน้มที่จะอยู่กับองค์กรที่เห็นคุณค่าและไว้วางใจพวกเขา รวมถึงวัฒนธรรมการทำงานที่ดีขึ้น เพราะผู้นำแบบมอบอำนาจจะสร้างวัฒนธรรมการทำงานเชิงบวก ซึ่งพนักงานรู้สึกได้รับการเคารพและได้รับการสนับสนุน นำไปสู่การสร้างขวัญกำลังใจและการทำงานเป็นทีมที่ดีขึ้น และสุดท้ายคือความพึงพอใจของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เพราะเมื่อพนักงานมีส่วนร่วมและมีแรงจูงใจ พวกเขามีแนวโน้มที่จะให้บริการลูกค้าได้ดีขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ระดับความพึงพอใจของลูกค้าที่สูงขึ้นและส่งผลต่อผลประกอบการขององค์กรในที่สุด
องค์กรในโลกปัจจุบันมีความผันผวนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพัฒนารูปแบบภาวะผู้นำที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์โลกในปัจจุบันจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก ดังนั้นภาวะผู้นำแบบมอบอำนาจเป็นลักษณะของภาวะผู้นำรูปแบบหนึ่งที่น่าจะเหมาะสมเนื่องด้วยเหตุผลหลายประการต่อไปนี้
1. กำลังแรงงานที่เปลี่ยนแปลง: พนักงานในปัจจุบันมีการศึกษาสูง มีความหลากหลาย และเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี โดยมีความต้องการอย่างมากสำหรับโอกาสการเติบโตและการพัฒนา การเพิ่มขีดความสามารถของความเป็นผู้นำนั้นสอดคล้องกับแนวโน้มของแรงงานที่เปลี่ยนแปลงเหล่านี้ เนื่องจากเป็นการให้โอกาสพนักงานในการเติบโตส่วนบุคคลและในสายอาชีพ
2. องค์กรที่แบนราบ: องค์กรจะแบนราบขึ้น โดยมีลำดับชั้นน้อยลงและมีทีมงานข้ามสายงานมากขึ้น การเสริมสร้างความเป็นผู้นำนั้นเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับโครงสร้างประเภทนี้ เนื่องจากส่งเสริมการทำงานร่วมกันและการทำงานเป็นทีม
3. ความต้องการนวัตกรรม: ในโลกปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว องค์กรต่างๆ จำเป็นต้องมีความคล่องตัวและปรับตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ การเสริมสร้างความเป็นผู้นำสามารถส่งเสริมสภาพแวดล้อมแห่งนวัตกรรม เนื่องจากพนักงานรู้สึกว่ามีอำนาจที่จะเสี่ยงและคิดไอเดียใหม่ๆ
4. การทำงานจากระยะไกล: เนื่องจากการทำงานจากระยะไกลกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น การเสริมสร้างศักยภาพความเป็นผู้นำจะมีประสิทธิภาพเป็นพิเศษ เนื่องจากช่วยให้พนักงานสามารถเป็นเจ้าของงานของตนและตัดสินใจได้อย่างอิสระ
5. ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน: พนักงานในปัจจุบันให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างชีวิตการทำงานและความเป็นอยู่ที่ดีโดยรวม การเสริมสร้างความเป็นผู้นำสามารถช่วยให้พนักงานรู้สึกควบคุมงานได้มากขึ้นและเครียดน้อยลง ซึ่งสามารถปรับปรุงความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขาได้
กล่าวโดยสรุป ผู้นำแบบมอบอำนาจ สามารถส่งผลดีต่อการมีส่วนร่วมของพนักงาน ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน การรักษาพนักงานให้คงอยู่ในองค์กร การเสริมสร้างนวัตกรรมในการทำงาน และความพึงพอใจของลูกค้า ผู้นำแบบมอบอำนาจสามารถช่วยให้พนักงานรู้สึกถึงจุดมุ่งหมาย การเติบโต ความไว้วางใจ และความเป็นอิสระ ซึ่งจะนำไปสู่ความพึงพอใจและแรงจูงใจในการทำงานที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นผู้นำแบบมอบอำนาจจะเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับโลกปัจจุบัน เนื่องจากแนวโน้มของแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไป ความต้องการนวัตกรรม การเพิ่มขึ้นของการทำงานทางไกล และการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
Comments